บริการโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญและผ่านการอบรมหลักสูตรการดูแลความงามสตรีหลังคลอด
การอยู่ไฟในปัจจุบันไม่ยุ่งยากเหมือนสมัยก่อน เพราะเราได้ปรับวิธีการและขั้นตอนให้เข้ากับยุกต์สมัยที่มีแต่ความรีบเร่ง เพื่อความสะดวกสบายของคุณแม่มือ เราจึงมีบริการถึงบ้าน คุณแม่ไม่ต้องเสียเวลาหาวัตถุดิบเองให้ยุ่งยาก ทางทีมงานจะจัดเตรียมอุปกรณ์ และสมุนไพรไปให้ครบทั้งหมด วิสัยทัศน์ พัฒนาต่อยอดใช้ประโยชน์ทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยแท้ทุนทรัพยากรและสมุนไพรอย่างคุ้มค่า
ที่อยู่ : 198/234 ม.มารวย ซ. ร่มเกล้า44 ถ. ร่มเกล้า คลองสามประเวศ เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ
โปรแกรมอยู่ไฟราคาพิเศษ!!! อยู่ไฟหลังคลอด สำหรับคุณแม่ 4 ชม./วัน
รีวิวผู้ใช้บริการ
ควรอยู่ไฟหลังคลอดเมื่อไหร่ดี?
คลอดธรรมชาติเริ่มอยู่ไฟ
หลังคลอด 7 วัน
คลอดผ่าตัดเริ่มอยู่ไฟ
หลังคลอด 30 วัน
สรารมณ์สมุนไพร บริการอยู่ไฟหลังคลอด อยู่ไฟเดลิเวอรี่ บริการขั้นตอนอยู่ไฟแบบ 25 ขั้นตอน
1. ตรวจเช็คสุขภาพร่างกาย คุณแม่
2. เข้ากระโจมอบตัวด้วยสมุนไพรสด สูตรสรารมณ์
3. แช่เท้าด้วยน้ำสมุนไพรสด กระตุ่นให้เลือดไหลเวียน
4. อาบน้ำสมุนไพร
5. ดื่มน้ำสมุนไพร
6. นวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ กระตุ่นเลือดไหลเวียน
7. นวดกล่อมมดลูกให้เข้าอู่
8. นวดเข้าตะเกียบ
9. นวดน้ำมันงาบริสุทธิ์, อโรมา
10. นวดสลายไขมัน เซลลูไลท์
11. ทับอิฐร้อน (ภาคใต้เรียกก้อนเสา)
12. นึ่งหม้อเกลือ ช่วยให้มดลูกแห้งและเข้าอู่เร็ว
13. นวดประคบสมุนไพรสด ข่วยให้เลือดไหลเวียน
14. ประคบร้อน เต้านมช่วยกระตุ่นน้ำนม
15. ขัดผิวด้วยเกลือสปา, ขมิ้นไพล
16. การขจัดคราบไคล และรอยด่างดำให้จางลง
17. นวดหน้าขัดหน้าสมุนไพร ทานาคา
18. นวดหน้าขัดหน้าด้วยน้ำผึ้งเดือน 5
19. นวดหน้าขัดหน้าด้วย โยเกิร์ต
20. นวดกดจุดแนวกำดัน
21. นวดศีรษะคลายเครียด
22. การนั่งถ่าน (คลอดธรรมชาติ)
23. ทายานึ่งหน้าท้องยุบ
24. การรมตาด้วยสมุนไพรสด เพื่อรักษาตา
25. การอยู่ไฟด้วยไฟชุดตำหรับหลวง
ทำไมต้องอยู่ไฟ?
ในอดีตหากพูดถึงการดูแลสุขภาพคุณแม่หลังคลอด พบว่า มีด้วยกันหลายวิธี แต่สิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้ นั่นคือ “การอยู่ไฟ” การอยู่ไฟหลังคลอดซึ่งคนโบราณเชื่อว่า หญิงตั้งครรภ์ จะมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะสรีระ น้ำหนัก หรือหน้าท้องที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้หลังคลอด อาจมีอาการปวดเมื่อย หรืออักเสบของกล้ามเนื้อบริเวณสันหลัง หรือขา ที่เกิดจากการกดทับระหว่างตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นจึงได้คิดค้นวิธีดังกล่าว โดยใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน ฟื้นฟูร่างกายคุณแม่หลังคลอด เพื่อปรับสมดุลในร่างกายให้เป็นปกติโดยเร็วที่สุด
เพื่อให้เข้าใจถึงคำว่า 'อยู่ไฟ' ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทีมงาน Life and Family ได้สอบถามไปยัง "หมอวี-กวี ทัศนศร" อายุ 53 ปี หมอนวดแผนไทย และหมอพื้นบ้านที่มีความรู้เกี่ยวกับการอยู่ไฟ ได้ให้ความรู้ว่า 'การอยู่ไฟ' เป็นความคิดที่ชาญฉลาดของคนโบราณ เป็นกระบวนการดูแลหญิงหลังคลอด เพื่อให้ร่างกายฟื้นจากความเหนื่อยอ่อนให้กลับคืนสภาพปกติได้เร็วที่สุด โดยใช้ความร้อนเข้าช่วย ทำให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นบริเวณหลัง และขา ที่เกิดจากการกดทับขณะตั้งครรภ์ คลายตัว ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามตัวในภายหลังได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การอยู่ไฟ ยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ทำให้อาการหนาวสะท้าน ที่เกิดจากการเสียเลือด และน้ำหลังคลอด มีอาการดีขึ้น ช่วยปรับสมดุลร่างกายในตัวคุณแม่ให้เข้าที่ และที่สำคัญ ช่วยให้มดลูกที่ขยายตัว หดตัว หรือเข้าอู่ได้เร็ว พร้อมกับช่วยให้ปากมดลูกปิดได้ดี ป้องกันการติดเชื้อในโพรงมดลูกหลังคลอด ทำให้น้ำคาวปลาแห้งเร็ว ลดการไหลย้อนกลับ จนนำไปสู่ภาวะเป็นพิษได้
สำหรับวิธีการอยู่เรือนไฟในสมัยก่อนนั้น หมอวีเล่าว่า การอยู่ไฟหลังคลอดคุณแม่ทุกคน จะต้องเข้าเรือนไฟ ที่สร้างเป็นกระท่อมหลังคาจาก โดยเข้าไปนอนผิงไฟ พร้อมกับลูกน้อยที่จะเอาใส่กระด้ง ร่วมอยู่ไฟกับคุณแม่ บนกระดานไม้แผ่นเดียว ทุก ๆ วัน จะอาบน้ำร้อน ดื่มเฉพาะน้ำอุ่น งดอาหารแสลงบางประเภท กินข้าวกับเกลือ ที่คนโบราณเชื่อว่า จะไปทดแทนเกลือที่ร่างกายต้องเสียไปทางเหงื่อที่ไหลออกมาระหว่างการอยู่ไฟนั่นเอง
การอยู่ไฟสมัยก่อน มี 2 แบบคือ ไฟข้าง (ก่อไฟอยู่ข้างตัวบริเวณท้อง) และไฟแคร่ (คุณแม่นอนบนไม้กระดาน ส่วนเตาไฟอยู่ใต้แคร่ มีแผ่นสังกะสีรองทับอีกที เหมือนการนอนปิ้งบนไฟดี ๆ นี่เอง) ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้แบบแรกมากกว่า โดยจะมีสามี หรือญาติ คอยดูเรื่องฟืนไฟให้ เพราะคุณแม่จะต้องอยู่ในเรือนไฟ 7-15 วัน หลังจากคลอด และห้ามออกจากเรือนไฟเด็ดขาด เพราะจะทำให้ตัวคุณแม่ปรับอุณหภูมิของร่างกายไม่ทัน ทำให้เกิดการเจ็บป่วย และไม่สบายได้" หมอวีกล่าว
ประโยชน์ของการอยู่ไฟ
1. ช่วยขับน้ำคาวปลาให้ไหลดี
2. ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย
3. ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว และทำให้หน้าท้องยุบเร็วไม่ย้วย
4. ช่วยล้างคราบเหงื่อไคลและคราบสกปรก
5. ช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
6. ช่วยทำให้ผิวพรรณ สะอาด ผุดผ่อง สดใสมีน้ำมีนวล
7. ช่วยรมตา ทำให้ตาไม่พร่ามัว
8. ช่วยทำให้น้ำนมคุณแม่ไหลเร็วขึ้น และช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนม สร้างความพร้อมสำหรับมารดาที่ให้นมบุตร
9. ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ฟื้นตัวเร็วขึ้น
10. ช่วยให้ผ่อนคลาย ไม่เครียดหรือกังวลในการเลี้ยงลูกมากเกินไป